ความสมดุลของชีวิต-การงาน
จะรักษาสมดุล ของการทำงาน กับ ชีวิตส่วนตัว ได้อย่างไร?
การทำงานนั้นเป็นส่วนสำคัญในชีวิตคน แต่ละคนย่อมมีเส้นทางอาชีพและเหตุผลในการทำงานที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเพื่อ เลี้ยงดูครอบครัว, ไขว่คว้าหาความสำเร็จ หรือมีจุดมุ่งหมายที่ต้องการไปให้ถึง จะอย่างไรก็ตาม ชีวิตการทำงานก็มักจะทำให้คนมีเวลาให้เพื่อนฝูงและครอบครัวน้อยลง ดังนั้นการใส่ใจเรื่องความเครียดจากการทำงานและการรักษาความสมดุลชีวิต-การงาน จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการทำงาน
มีหลากหลายวิธีในการรักษาสมดุลดังกล่าว ไม่ว่าจะทำงานที่เรารักหรือหางานในบริษัทที่ใส่ใจในความสุขทางกาย-ใจ ของพนักงาน แนวคิดดังต่อไปนี้จะช่วยปรับสมดุลอาชีพการงานและชีวิตส่วนตัวให้ดีขึ้น
เลือกทำงานที่เรารัก
บางครั้งวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาสมดุลชีวิต-การงาน คือการเลือกทำงานที่เราสามารถ ทำได้โดยไม่สนใจเรื่องเงิน หากการทำงานดังกล่าวช่วยเติมเต็มความต้องการชนิดที่เงินให้ไม่ได้ได้ ทุกๆ วันที่เราตื่นขึ้นมา ก็จะรู้สึกตื่นเต้นและมีแรงจูงใจ ในการเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ที่รออยู่ แต่ถ้าหากบรรยากาศที่ทำงานปัจจุบันบั่นทอนทั้งกายใจ หรือรู้สึกเกลียดที่จะทำต่อ ก็อาจได้เวลามองหาสิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่า
หากว่าคุณมองไม่เห็นตัวตนหรือจุดยืนด้านการทำงาน ก็ค่อยๆ หาข้อดี ข้อเสีย ของตัวเลือกที่มีอยู่ ก็อาจจะมองเห็นอะไรชัดขึ้นต่อไปนี้จะเป็นเคล็ดลับช่วยคุณตัดสินใจ
- เขียนความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ที่เราทำได้ในแต่ละวัน
- เขียนถึง 3 สิ่งที่คุณรู้สึกดีต่องานที่ทำ
- แสดงความเห็นเกี่ยวกับตัวงาน ที่ทำแล้วรู้สึกแย่
จัดแผนการทำงาน
ในทุกๆ วันทำงาน ย่อมทำให้รู้สึกติดอยู่วังวนที่ซ้ำซาก รูปแบบการทำงานแบบนี้อาจจะดีในช่วแรกๆ แต่นานไป ความรับผิดชอบและเนื้องานก็จะค่อยๆ พอกพูนขึ้น การถอยออกมาตั้งหลัก จัดลำดับความสำคัญสิ่งใดควรทำก่อน หรืองานไหนมอบให้ผู้อื่นทำได้ก็เป็นความคิดที่ดี โดยเว็บไซต์ TopResume (เว็บไซต์รับออกแบบ Resume อันดับต้นๆ ของโลก) ได้ให้เคล็ดลับดีๆ ไว้ ว่า การจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมในบ้าน สำคัญพอๆ กับการวางแผนงานที่ออฟฟิศ
เคล็ดลับสำหรับกิจกรรมขณะอยู่บ้าน
- จ้างคนให้พาสุนัขไปเดินเล่น
- สั่งวัตถุดิบทำอาหารผ่านช่องทางออนไลน์
- จัดแบ่งมอบหมายงานบ้านกับสมาชิกในครอบครัว
หากสมาชิกในครอบครัวช่วยแบ่งเบาภาระงานบ้านได้ คุณก็ช่วนผ่อนภาระ มีเวลาให้ผ่อนคลายมากขึ้น การจัดระเบียบสิ่งต่างๆ และใส่ใจตนเองให้มาก ก็มีส่วนช่วยให้งานสำเร็จตามต้องการมากขึ้น เพราะคุณจะได้สำรวจตนเอง แล้วทำสิ่งที่ใหญ่กว่าเดิมได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นิสัยประจำวันทั้งในและนอกที่ทำงานล้วนส่งผลต่อสมดุลของชีวิต-การงาน
พักบ้างถ้าต้องพัก
เป็นปกติที่เวลาทำงานจะมีวันงานเข้าหนักๆ บ้าง การทุ่มเทเกินร้อยให้งานเสร็จก็อาจดูเป็นหนทางเดียวที่ทำได้ การรักษาระดับในการทำงานนั้นเรื่องสำคัญ แต่สมองของมนุษย์เรานั้นสามารถเพ่งสมาธิสุดๆ ได้ประมาณ 2 ชั่วโมง เท่านั้น การฝืนต่อก็อาจไม่ได้ส่งผลดีนัก การพักผ่อนให้สม่ำเสมอคือปัจจัยสำคัญในการคลายความตึงเครียด ช่วยให้ทำการตัดสินใจได้ดีขึ้น และมีความความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น
วิธีพัก ผ่อนคลาย ในบ้าน ทำได้ได้ดังนี้
- ฝึกทำสมาธิเป็นเวลาสั้นๆ
- ออกไปเดินเรื่อยเปื่อยบ้าง หลังทานอาหารกลางวัน
- ออกกำลังกายเป็นประจำ ให้สมองผ่อนคลาย สบายอารมณ์ขึ้น
สำหรับบริษัทเอง หากปราศจากเหล่าทีมงาน ก็คงนับเป็นบริษัทไม่ได้ การรับรู้ความต้องการของพนักงานในหน้าที่การงาน และสนับสนุนเรื่องความสมดุลของชีวิต-การงานก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้เป็นบริษัทที่ผู้คนทำงานได้อย่างมีความสุข พนักงานทุกกคนก็ควรช่วยกันส่งเสริมทีม
เป็นแรงสนับสนุน
ความสมดุลของชีวิต-การงาน สามารถเริ่มได้ด้วยทีมบริหารจัดการ ผู้บริหารควรทำให้เป็นตัวอย่าง พร้อมช่วยผลักดันให้พนักงานทุ่มเททำงานและรู้จักการผ่อนคลายตนเอง ส่วนวิธ๊การีต่อไปนี้เหมาะกับการสนับสนุนให้พนักงานใส่ใจกับสุขภาพกายใจได้มากขึ้น
- ให้พนักงานใช้วันลาประจำปีจนหมด
- ปล่อยให้พนักงานได้พักผ่อนสบายๆ ระยะสั้นๆ บ้างในหนึ่งวันทำงาน
- ให้ความสำคัญกับจิตใจและอารมณ์ของพนักงานด้วยนโยบายที่พร้อมเปิดประตูรับฟัง, ให้การสนับสนุน และให้พนักงานเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิต
มีความยืดหยุ่น
เชื่อใจพนักงานว่าจะสามารถรับผิดชอบหน้าที่ได้ดีทั้งในและนอกออฟฟิศ การสร้างความยืดหยุ่นจะช่วยสร้างความเชื่อใจในทีม นำไปสู่ผลงานที่ดีขึ้น
เวลาที่พนักงานต้องดูแลสมาชิกในบ้านที่ไม่สบายหรือขอลากิจ บริษัทก็สามารถสนับสนุนได้ด้วยการ
- ให้ปรับเวลาทำงานได้ เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานเท่าที่สถานการณ์จะเอื้ออำนวยได้
- เปิดโอกาสให้ทำงานจากที่บ้านได้ เพื่อให้ลูกจ้างจัดการสิ่งต่างๆ ในชีวิตได้สะดวกขึ้น
- สนับสนุนให้พนักงานขีดเส้นจำกัดเวลาการทำงานไว้ ไม่ให้รบกวนชีวิตส่วนตัว เท่าที่จะทำได้
มีใจกว้าง
การกระทำมักสำคัญกว่าความพูด ดังนั้นพนักงานจะมีความสุขได้ก็ต่อเมื่อได้รับสิ่งดีๆ สมกับผลงานที่ทำไว้ จะเป็นรูปแบบของเงินรางวัลหรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ ให้แก่ทีมงานก็ได้เช่นกัน โดยสิ่งเหล่านี้จะให้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เช่น
- ให้สิทธิ์พนักงานได้เข้าใช้ฟิตเนส เพื่อสุขภาพกายใจที่ดี การออกกำลังกายช่วยได้ทั้งขจัดความเครียดและเสริมความแข็งแรงได้
- เสนอบริการเลี้ยงดูบุตร เพื่อให้พนักงานได้บรรยากาศการทำงานที่น่าสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกมาก และใส่ใจกับการทำงานได้มากขึ้น
- จัดทริปการท่องเที่ยวของบริษัทหรือการแจกรางวัลตอบแทนความพยายามของเหล่าพนักงาน
หากพนักงานรับรู้ได้ว่าความพยายาม ตั้งใจของพวกเขาได้รับการตอบแทน ก็จะยิ่งกระตุ้นให้พนักงานใส่ใจสุขภาพกายใจของตนเอง และทำงานต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
บริษัทจะดีไม่ดีขึ้นอยู่กับคน และที่ลีเรคโกเราสนับสนุนให้เกิดสมดุลในชีวิต-การงาน เพื่อให้เกิด Great Work ขึ้น ที่ทำงานไม่เพียงแต่จะเป็นสถานที่สำหรับทำงาน แต่ยังเป็นสถานที่ที่เปี่ยมไปด้วย ความทุ่มเท, สุขภาพกายใจที่ดี, ความเป็นเลิศ และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน หากทุกๆ คนใส่ใจกับเรื่องความสมดุลของชีวิต-การงาน ชุมชนลีเรคโกเของเราก็จะเติบใหญ่ยิ่งขึ้น และมีความสุขยิ่งกว่าเคย ในทุกๆ ช่วงเวลา